https://youtu.be/SRG934Hy_1Q
ตอนนั้นได้สอบถามทางอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ไพลรัตน์ สำลี ทราบว่าจะมีผลงานอีกชิ้นหนึ่งส่งเข้าประกวดในเร็วๆนี้
เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน ก็ปรากฎเป็นข่าวฮือฮาตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับรถจักรยานพลังงานแม่เหล็ก มีกระแสตอบรับทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย (ตามลิงค์)
http://pantip.com/topic/34541637
เพื่อให้หายสงสัยก็เลยมาคุยกับอาจารย์เองเลยว่ามันเป็นอะไร อย่างไงกันแน่ ทำไมคนเขาสงสัยเหลือเกิน?
ให้ทางจนท.นัดกับอาจารย์ว่าวันที่ 10 กพ 59 จะไปเยี่ยมชมหน่อย
พอวันที่10กพ ก็พาทีมงานไปเยี่ยมอาจารย์ที่วช.ศรีสัชนาลัย พอไปถึงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยว่า โอ้โฮเขาต้อนรับเราใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ ที่ไหนได้วันนี้ทางบริษัทฮอนด้าเขามามอบอุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนให้วิทยาลัย
จากการสอบถามอาจารย์ไพลรัตน์ สำลี concept ที่อาจารย์คิดขึ้นมานี้เป็นการต่อยอดจากผลงานประดิษฐ์การผลิตไฟฟ้าที่ได้จากการเหนี่ยวนำแม่เหล็กกับขดลวด มาประยุกต์ใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ซึ่งแทนที่รถไฟฟ้าจะใช้ไฟฟ้าทั่วไปในการชาร์ทไฟ ก็เปลี่ยนมาเป็นใช้ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กและขดลวด ทำให้แผ่นจานที่ติดแผ่นแม่เหล็กหมุน และทำการต่อแกนของไปยังเจนเนอเรเตอร์เพื่อผลิตไฟฟ้า (48 V) แล้วนำไฟฟ้าที่ได้ไปชาร์ทในแบตเตอรี จากนั้นจึงต่อวงจรไฟฟ้าจากแบตเตอรีไปยังมอเตอร์ของมอเตอร์ไซค์อีกที
ลำพังการเหนี่ยวนำแม่เหล็กกับขดลวด ถ้ามีกลไกแค่นี้มันคงจะหมุนไปได้ไม่นานก็คงจะหยุด เนื่องจากLoss ต่างๆ แต่อาจารย์ไพลรัตน์มีเทคนิคในการควบคุมให้จานแม่เหล็กหมุนได้ต่อเนื่อง โดยการเพิ่มแบตเตอรีขนาด 3.7 โวลท์ 2 ก้อนในระบบชาร์ทและควบคุมตัวมอเตอร์สตาร์ทที่จานแม่เหล็ก ซึ่งในการทำงานแบตเตอรี 3.7 โวลท์ นี้จะทำงานทีละก้อน เมื่อก้อนหนึ่งไฟหมดระบบก็จะสวิทช์ให้อีกก้อนทำงานทันที และแบตเตอรีที่ไฟหมดก็จะถูกทำการชาร์ทไฟจากไฟฟ้าที่ได้จากการเหนี่ยวนำระหว่างการหมุนของจานแม่เหล็กกับขดลวด (วงจรที่ 1)
วงจรที่ 1 |
สำหรับวงจรที่ 2 เป็นการผลิตไฟฟ้าจาก การที่ต่อแกนของจานแม่เหล็กไปยัง Generator เมื่อจานแม่เหล็กหมุนก็จะทำให้ Genertor ผลิตกระแสไฟฟ้าออกมา แล้วนำกระแสไฟฟ้าที่ได้มาชาร์ทกับแบตเตอรีที่จะนำไปขับเคลื่อนมอเตอร์ของรถไฟฟ้านั่นเอง จะเห็นว่าตราบใดที่แแผ่นจานแม่เหล็กหมุนได้ ก็ผลิตกระแสไฟฟ้าได้
วงจรที่2 |
ก็ถือว่าต้องให้กำลังใจกันครับสำหรับฝีมือคนไทยที่ช่างคิดช่างประดิษฐ์ เราคงไม่เป็นชาวนาโต้ (NATO - No Action Talk Only) นะครับ อาจารย์เองก็บอกว่าเป็นงานวิจัยที่เพิ่งเริ่มทำ ยังไม่สมบูรณ์ 100 % ครับ....ปัจจุบันใช้ขับขี่ในวิทยาลัยทุกวันความเร็วประมาณ 30 - 40 กม/ชม ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้ามาชาร์ทเลย
สุดท้ายนี้ขอให้กำลังใจอาจารย์ด้วยเพลงผู้ชนะ ของเสก โลโซ ก็แล้วกันคร๊าาาบบบ....
Jiatruka Peeyadun